ไพ่โป๊กเกอร์ คืออะไร เล่นอย่างไรให้ได้กำไร
ไพ่โป๊กเกอร์ คืออะไร เล่นอย่างไรให้ได้กำไร
ไพ่โป๊กเกอร์ คืออะไร เล่นอย่างไรให้ได้กำไร โป๊กเกอร์ออนไลน์ เป็นเกมไพ่สุดคลาสสิก ที่ครองใจนักพนันจากทั่วโลกและในไทยมาเป็นอย่างยาวนาน
นอกจากจะเป็นเกมไพ่ที่มีกฎไม่ซับซ้อน กติกาเข้าใจง่าย แต่ก็ยังต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อหลอกล่อผู้เล่นคนอื่น ซึ่งเป็นเกมพนันที่ต้องใช้สติ และสมาธิมากพอสมควร
แต่ก็เป็นเกมที่สนุกๆสุดๆอีกเกมหนึ่งเลยก็ว่าได้ และในบทความนี้ผูเขียนจะมาแนะนำรายละเอียดต่างในเกมไพ่โป๊กเกอร์ให้ผู้เล่นไดศึกาอย่างละเอียดก่อนที่จะไปเล่นเกมไพ่
ชนิดนี้แบบจริง ๆ
ต้นกำเนิดของ poker หรือ ไพ่โป๊กเกอร์ นั้นไม่ได้มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์อย่างชัดเจน แต่สามารถระบุได้ว่าน่าจะถูกดัดแปลงมาจากเกมไพ่ของชาวเปอร์เซีย
ในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 16 ที่รู้จักกันดีในชื่อ As Nas เท่านั้นยังไม่พอ อีกบันทึกหนึ่งก็บอกว่ามีจุดกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศส ในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 15 จากเกมไพ่

ที่มีชื่อว่า Pogue (โป๊ก) ซึ่งเกมนี้จะมีจำนวนไพ่เริ่มต้นเหมือนในปัจจุบัน ก็คือ 52 ใบ
และมีดอกเหมือนกัน 4 ดอก ส่วนวิธีการเล่นก็เหมือนกับ 2 เกมด้านบนเลย
จาก นั้น คาดว่าเกมไพ่แนว ๆ นี้ก็ถูกเผยแพร่ ไปถึงฝั่งทวีปอเมริกา ที่แคนาดาและอเมริกา
ในช่วงศตวรรษที่ 17 จนกระทั่งถูกเปลี่ยนแปลง ดัดแปลงไปเรื่อยๆ จนมีการตั้ง
ชื่อ เกม ไพ่ชนิดนี้ว่าเป็น “ไพ่โป๊กเกอร์” ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1834 โดยชายที่ชื่อว่า Jonathan H Green และก็ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน
วิธีการเล่นเกมไพ่โป๊กเกอร์ออนไลน์
หลักการของเกมนี้คือ ผู้เล่นจะต้องทำไพ่ในมือของตัวเอง ให้ได้แต้มสูงที่สุด ผู้เล่นก็จะเป็นฝ่ายชนะไป หรืออีกหนึ่งรูปแบบผู้เล่นมีไพ่แต้มน้อยอยู่ในมือ
ก็สามารถเอาชนะผู้เล่นคนอื่นได้ ด้วยการบลัฟฟ์ หรือลักไก่ผู้เล่นมืออาชีพอื่นได้ด้วย ผู้เล่นจะขอแบ่งเป็นข้อ ๆ เพื่อให้ผู้เล่นได้เข้าใจง่าย ๆ ดังนี้
- ผู้เล่นจะต้องทำการเลือกเจ้ามือกันก่อน ซึ่งเจ้ามือจะเป็นผู้เล่นที่ได้รับการแต่งตั้ง
แต่จะไม่ได้เป็นคนแจกไพ่ แต่เจ้ามือจะได้เป็นคนวางเดิมพันเป็นคนสุดท้าย - ผู้เล่น SB (Small Blind) คือผู้เล่นที่นั่งตำแหน่งทางซ้ายมือของคนแจกไพ่ จะ
ได้เดิมพันครึ่งหนึ่งของผู้เล่น BB - ผู้เล่น BB (Big Blind) คือผู้เล่นตำแหน่งที่สองนับจากทางซ้ายมือของคนแจกไพ่ จะ
ต้องแทงเต็มจำนวน - เริ่มแจกไพ่ จะต้องเริ่มแจกจากผู้เล่น SB ก่อน วนลำดับไปตามเข็มนาฬิกา คน
ละ 1 ใบ จากนั้นแจกอีก 1 ใบ จนทุกคนได้รับไพ่ครบ 2 ใบ เป็นไพ่โฮล - ไพ่สองใบแรกที่ผู้เล่นแต่ละคนได้รับจะเรียกว่าไพ่โฮล (Hole Card) และจะมีเพียง
ผู้เล่นเจ้าของไพ่เท่านั้นที่มีสิทธิ์เห็นไพ่โฮลของตัวเอง - เริ่มการเดิมพัน โดยที่กับผู้เล่นสามารถตัดสินใจได้จากจับคู่ในไพ่บนมือของตัวเอง
และไพ่กลางให้มีแต้มสูงที่สุด - โดยคนที่จะได้วางคนแรกก็คือคนที่อยู่ตำแหน่งถัดจาก BB ซึ่งสามารถเลือกได้ว่า
จะเล่นหรือจะหมอบไปเลยก็ได้ (การหมอบจะมีข้อดีก็คือ เราไม่ต้องวางเงิน แต่เมื่อ
จบเกมเราก็จะไม่ได้เงินเดิมพันเช่นกัน) - หากผู้เล่นต่อมาเห็นว่าไพ่ดี ก็สามารถเลือกที่จะวางเดิมพันในจำนวนที่สูงกว่าได้ และ
ผู้เล่นคนอื่น ๆ จะต้องเพิ่มเงินให้เท่ากับคนที่วางเงินเดิมพันสูงสุด จึงจะได้เล่นในรอบ
ต่อไป - เมื่อมีวางเดิมพันในรอบนั้นมากกว่า 2 คนขึ้นไป คนแจกไพ่จะแจกไพ่กลาง 3 ใบ
เรียกว่า Flop - เมื่อไพ่ 3 ใบถูกเปิดออกมาคนที่จะได้เล่นคนแรกก็คือ SB (แต่หาก SB หมอบไปแล้ว
ให้คนถัดไปทางซ้ายมือเป็นคนเริ่มก่อน) เหมือนกับข้อ 7 เลย สามารถเลือกที่จะสู้
หรือ Check ขอดูไพ่ต่อไปได้ หรือ Raise เพิ่มเงินเดิมพัน หรือหมอบซะตั้งแต่ตอน
นั้น เพื่อไม่ให้เสียเงินไปมากกว่าเดิม (แต่เงินที่ลงเดิมพันไปก่อนหน้านี้ก็จะถือว่า
เสียไปเลยเช่นกัน) - เมื่อเล่นจนครบแล้วและยังมีหลือมากกว่า 2 คน ไพ่กลางจะถูกเปิดเพิ่มมาอีก 1 ใบ
ให้เราวางแทงสู้กันต่อไป - เมื่อเล่นจนครบแล้ว และเหลือมากกว่า 2 คน ไพ่กองกลางจะถูกเปิดเพิ่มมาอีก 1 ใบ
เป็นใบสุดท้าย ในรอบนี้เราจะได้วางเดิมพันกันเป็นครั้งสุดท้าย - เมื่อนกันจบแล้ว และยังเหลือมากกว่า 2 คนขึ้นไป ทุกคนที่ต้องต้องเปิดไพ่ออกมา
หากไพ่ของคนไหนมีแต้มรวมกันทั้งจากกองกลางและบนมือสูงที่สุด ก็จะได้รับเงิน
รางวัลกลางไปทั้งหมด - แต่หากไพ่ของผู้เล่นสองคนออกมามีแต้มเสมอกัน และมีตัวคุมเท่ากัน เงินกลาง
ก็จะถูกแบ่งออกไปอย่างเท่า ๆ กัน
คำศัพท์ที่ใช้ในการเล่นโป๊กเกอร์
- Check คือการ ไม่วาง รอดูผู้เล่นถัดไป
- Bet คือการ วางเดิมพัน
- Call คือการวางเดิมพันในจำนวนเท่ากับคนที่ Bet
- Fold คือการ หมอบไพ่ หรือ ยอมแพ้ในรอบนั้น
- Raise คือการ เกทับ หรือเพิ่มเงินให้สูงกว่าคนที่ Bet
- Re-Raise คือการ เกทับเพิ่ม หรือเพิ่มเงินเดิมพันให้สูงกว่าคนที่ Raise
- All-in คือการ วางเดิมพันแบบหมดหน้าตัก
การนับแต้มไพ่
การนับแต้มไพ่จะเรียงลำดับโดยการจับคู่จากไพ่และไพ่กองกลาง โดยจะมีรูปแบบ
เรียงลำดับจากมากที่สุด ไปในน้อยที่สุดดังนี้
- รอยัลสเตรทฟลัท : เรียง 10-J-Q-K-A เท่านั้น และต้อง
เป็นดอกเดียวกัน - สเตรทฟลัท : เลขเรียงกัน และต้องเป็นดอกเดียวกัน
- โฟร์การ์ด : ไพ่เหมือนกัน 4 ใบ ดอกต้องไม่เหมือนกัน
- ฟูลเฮาส์ : ตอง กับคู่
- ฟลัช : ดอกเดียวกันทั้งหมด 5 ใบ
- สเตรท : เลขเรียงกัน 5 ใบ ดอกไม่เหมือนกันก็ได้
- ตอง : 3 ใบเหมือนกัน
- 2 คู่ : จับคู่ไพ่เลข หรือฝรั่งเหมือนกัน 2 คู่
- 1 คู่ : จับคู่ไพ่เลข หรือฝรั่งเหมือนกัน 1 คู่
- แต้มสูงสุด : นับไพ่ 1 ใบที่มีไพ่สูงที่สุด (ดอกโพธิ์ดำคือดอกสูงที่สุด
ต่อมาคือโพธิ์แดง (หัวใจ) ข้าวหลามตัด และดอกจิก ตามลำดับ ส่วนเลข
ไพ่นั้น จะเรียงจาก A ต่ำสุด ไล่ไปจนถึง K สูงที่สุด)